หลังจากเปิดตัว MINI COOPER SE เมื่อปีกลายในไทยจนได้รับการตอบรับอย่างดีล่าสุดเปิดตัวโปรไฟล์ใหม่กับ MINI COOPER SE HIGHTRIM
 MINI COOPER SE HIGHTRIM รุ่นย่อยใหม่มาพร้อมฟีเจอร์จัดเต็ม ครบครัน ยกระดับการขับขี่ไปอีกขั้น
MINI COOPER SE HIGHTRIM รุ่นย่อยใหม่มาพร้อมฟีเจอร์จัดเต็ม ครบครัน ยกระดับการขับขี่ไปอีกขั้น
ภายนอกยังคงรักษาเสน่ห์ภายนอกในแบบฉบับ MINI COOPER SE ที่มาพร้อมกับไฟหน้า LED ทรงกลมอันเป็นเอกลักษณ์ อีกทั้งยังมีการยกระดับทั้งด้านดีไซน์และการใช้งาน ไฮไลต์ของรุ่นนี้ได้แก่ ล้อแม็กซ์ Night Flash Spoke 2-Tone ขนาด 18 นิ้วพร้อมยาง 225/40R18 แบบ และตัวเลือกสีใหม่สุดพิเศษอย่าง Indigo Sunset Blue ซึ่งเข้ากันกับรูปทรงที่โดดเด่นมีความสวยงามอันเป็นเอกลักษณ์มากยิ่งขึ้น
ภายในห้องโดยสารโดดเด่นด้วยการเพิ่มอุปกรณ์ในหลากหลายด้าน โดยผู้ขับขี่จะได้สัมผัสกับระบบเครื่องเสียงเหนือระดับจาก Harman Kardon และเบาะไฟฟ้าพร้อมการตั้งค่าระบบจดจำการปรับเบาะแบบไฟฟ้าและฟังก์ชันนวดสำหรับเบาะผู้ขับขี่ เติมความสะดวกสบายในทุกการเดินทาง พร้อม MINI Experience Modes ทั้ง 7 แบบช่วยปรับแต่งทุกการขับขี่ตามสไตล์ของผู้ขับ ปรับการแสดงผลหน้าจอกลม ไฟภายใน และเสียงให้เข้ากับประสบการณ์การขับขี่ของแต่ละบุคคล ในแต่ละโหมดมีการออกแบบพื้นหลังที่สวยงาม พร้อมการเคลื่อนไหวที่เพิ่มความสนุกโดยไม่รบกวนการขับขี่
โดดเด่นด้วย MINI Navigation AR ระบบนำทางด้วยเทคโนโลยี AR ฉายวิดีโอเส้นทางของถนนแบบสมจริง ทำให้การนำทางในเมืองที่ซับซ้อนกลายเป็นคู่มือแบบเรียลไทม์ที่ใช้งานง่าย อีกทั้งยังมีผู้ช่วยส่วนตัวกับ MINI Intelligent Personal Assistant ให้ผู้ขับขี่ควบคุมมินิด้วยคำสั่งเสียง และจะแสดงผลบนหน้าจอ OLED อันเป็นเอกลักษณ์ของมินิ และสำหรับคนที่ชอบหาประสบการณ์ใหม่ที่ใช้งานง่ายอยู่เสมอ MINI Connected Store เปิดให้เข้าถึงแอปพลิเคชันที่หลากหลายทั้งด้านประโยชน์ใช้สอยและความบันเทิง และมีการอัปเดตอย่างต่อเนื่อง
 ในเรื่องของสมรรถนะยังคงผสานพลังกับประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจ และตอบสนองเร็ว ซึ่งขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงที่ปลอดมลพิษด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้าพร้อมแบเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาดความจุ 54.2 kWh ให้กำลังสูงสุด 218 แรงม้า แรงบิด 330 นิวตันเมตร เมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ที่ฉับไวใน 6.7 วินาที วิ่งไกลสุด 400 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP หรือ 471 กิโลเมตร (NEDC) ความเร็วสูงสุด 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ในเรื่องของสมรรถนะยังคงผสานพลังกับประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจ และตอบสนองเร็ว ซึ่งขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงที่ปลอดมลพิษด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้าพร้อมแบเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาดความจุ 54.2 kWh ให้กำลังสูงสุด 218 แรงม้า แรงบิด 330 นิวตันเมตร เมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ที่ฉับไวใน 6.7 วินาที วิ่งไกลสุด 400 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP หรือ 471 กิโลเมตร (NEDC) ความเร็วสูงสุด 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
รองรับการชาร์จไฟแบบ AC สูงสุด 11 kW 0-100% ภายใน 5.15 ชั่วโมง ในขณะที่การชาร์จไฟแบบ DC ทำได้สูงสุดที่ 95 kW โดยในโหมด DC จะสามารถชาร์จจาก 10-80% ในเวลาเพียงไม่ถึง 30 นาที นอกจากนี้ แบตเตอรี่รุ่นนี้ยังรองรับการตั้งค่าการชาร์จต่าง ๆ เช่น เวลาชาร์จ ระดับแบตเตอรี่ที่ต้องการ และอื่น ๆ พร้อมการเข้าถึงข้อมูลแบตเตอรี่จากหน้าจอมือถือผ่าน MINI App
นอกจากนี้ ตำแหน่งการติดตั้งแบตเตอรี่ในพื้นรถยังทำให้รถมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ส่งผลให้รถมีความสามารถในการยึดเกาะและการควบคุมที่ยอดเยี่ยม ผสานกับช่วงล่างที่ปรับแต่งมาเพื่อการควบคุมที่คล่องตัว ด้วยจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ ฐานล้อที่ยาวขึ้นและขยับไปชิดมุมรถทั้ง 4 ด้าน (Short overhang) ทำให้มีความคล่องตัวมากขึ้น คงไว้ซึ่งสไตล์การขับขี่แบบโกคาร์ทไว้ได้อย่างครบถ้วน การบังคับเลี้ยวที่แม่นยำ
เพื่อยกระดับประสบการณ์พรีเมียมให้สูงยิ่งขึ้น มาพร้อมกับระบบช่วยเหลือการจอด Parking Assistant Plus อันทันสมัย ซึ่งประกอบด้วยกล้อง 360 องศา และระบบบันทึกการถอยจอด ทำให้การควบคุมรถและการจอดรถเป็นเรื่องง่ายดาย สำหรับความสามารถในการจอดรถที่ล้ำสมัยยิ่งขึ้น ฟีเจอร์การจอดรถระยะไกลล้ำสมัยอย่าง Parking Assistant Professional ทำให้ใช้สมาร์ทโฟนสำหรับการควบคุมและจอดซึ่งมีให้บริการผ่านระบบสมาชิก (subscription) และ Cruise Control
 MINI COOPER SE HIGHTRIM ใหม่ วางจำหน่ายแล้ววันนี้ในราคา 1,799,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และแพ็คเกจ MSI Standard คุ้มครองการบำรุงรักษา 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง) ที่รอให้พบคันจริงครั้งแรก ที่งาน มินิ เอ็กซ์โป 2025 วันที่ 16-22 กรกฏาคม ที่เซ็นทรัลเวิลด์โดยมีสีให้เลือก 9 สี ได้แก่
MINI COOPER SE HIGHTRIM ใหม่ วางจำหน่ายแล้ววันนี้ในราคา 1,799,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และแพ็คเกจ MSI Standard คุ้มครองการบำรุงรักษา 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง) ที่รอให้พบคันจริงครั้งแรก ที่งาน มินิ เอ็กซ์โป 2025 วันที่ 16-22 กรกฏาคม ที่เซ็นทรัลเวิลด์โดยมีสีให้เลือก 9 สี ได้แก่
- สีฟ้า Icy Sunshine Blue
- สีน้ำเงิน Blazing Blue
- สีเขียว British Racing Green IV
- สีเขียว Ocean Wave Green
- สีขาว Nanuq White
- สีเงิน Melting Silver
- สีเหลือง Sunny Side Yellow
- สีแดง Chili Red II
- สีน้ำเงิน Indigo Sunset Blue สียอดนิยมจาก มินิ แอสแมน


 
                                    











