Nissan LEAF เจเนอเรชันที่ 3 อีวีร่างใหม่ร่างเอสยูวีเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในรอบ 15 ปี จากเดิมที่เก๋งท้ายลาดเปิดตัวและขายที่ญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ
Nissan LEAF เจนใหม่มาครั้งนี้ดูดีมีเสน่ห์กว่าครั้งไหนๆในรอบ 15 ปี ในรหัส ZE2 ในร่างเอสยูวีท้ายลาดยกสูง
ภายนอกหล่อคล้ายรุ่นพี่ Nissan ARIYA
ด้วยกระจังหน้ารูปตัววีทรง “โล่ หรือ shield” ไฟหน้า LED 3 ดวงในโคม พร้อมไฟ DRL แบบ LED ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าโค้งมน 6 ดวง รับกับกันชนหน้าดีไซน์ลงตัวด้านข้างดีไซน์หลังคาลาดลงคล้ายรถคูเป้เน้นความเรียบง่ายพร้อมราวหลังคาบิ๊วอิน กระจกมองข้างทรงสปูน ที่เปิดประตูดีไซน์เรียบเนียนกับตัวถัง
แผงไฟท้าย LED ดีไซน์แนวตั้ง 3 ชิ้น และ แนวนอน 2 ชิ้น ติดตราอักษร Nissan ในแผงใหญ่สีดำเงารับกับกันชนหลังทรงเท่พร้อมลิ้นสปอยเลอร์สีดำในตัว คิ้วขอบล้อสีดำกลมกลืนกับคิ้วชายล่างรอบคันสีดำและล้ออัลลอยมีหลายขนาดตั้งแต่ขนาด 18 นิ้ว รัดด้วยยาง 215/55R18 มีขนาดใหญ่ 19 นิ้วพร้อมยาง 235/45R19
คันนี้สร้างจากแพลตฟอร์ม CMF-EV แพลตฟอร์มเดียวกันกับ Nissan ARIYA ที่ออกแบบมารับกับแบตเตอรี่ที่มีความแข็งแรงจากการรับแรงด้านข้างมากขึ้นถึง 66% เด่นด้วยพื้นใต้ท้องรถเรียบ ด้วยค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศ (Cd) ต่ำถึง 0.26 ทำให้ตัวรถลู่ลมขึ้น มิติตัวรถใหญ่ขึ้นปรับเพื่อชาวญี่ปุ่นตั้งแต่
- ความยาว 4,360 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,810 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,565 มิลลิเมตร
- ฐานล้อ 2,690 มิลลิเมตร
- น้ำหนักรถ 1,880-1,920 กิโลกรัม
- ระยะต่ำสุดจากพื้น 135 มิลลิเมตร
ภายในเด่น
ด้วยหลังคากระจกแบบพาโนรามิกที่ช่วยลดความสูงของรถลงได้ถึง 12 มิลลิเมตรและยังสามารถปรับความทึบของกระจก ช่วยปรับแสงที่เข้ามาสู่ภายในได้ตามต้องการและไม่ต้องพึ่งพาม่านบังแดดและยังเคลือบสารป้องกันแสงแดดจากรังสีอินฟราเรดได้ พื้นห้องโดยสารแบบแบนราบ Flat Floor ทำให้ห้องโดยสารกว้างขวางกว่าเจนเดิมแถมย้ายตู้แอร์ไปไว้ที่ห้องเครื่องเพิ่มพื้นที่กว้างขวางได้เช่นกัน ความจุสัมภาระมากถึง 420 มิลลิเมตรสำหรับสเปกญี่ปุ่นกับอเมริกา และ 437 ลิตรสำหรับสเปกยุโรป
ออปชันภายในรถคับคั่งครบครันทั้ง ชุดแผงคอนโซลหน้ากับแผงประตูหุ้มหนังสัมผัส แผงสวิตช์กระจกไฟฟ้าสี่บานในชุดแผงประตู พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสองก้านหุ้มหนังเดินด้าย มีปุ่ม Push Start พร้อมหน้าจอคู่ 2 ฝั่ง ขนาดฝั่งละ 12.3 นิ้ว แบบ Monolith ประกอบด้วยมาตรวัดดิจิทัลและจอสัมผัสขนาดใหญ่อยู่ในชุดเดียวกัน หน้าจออินเทอร์เฟซระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ทำให้ลูกค้าสามารถปรับการตั้งค่าต่างๆของรถยนต์ได้ อัปเดตเฟิร์มแวร์ต่างๆแปลกใหม่น่าตื่นเต้น
รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย พร้อม Google-built in และ Nissan Connect เชื่อมต่อการใช้งานของรถยนต์ผ่านสมาร์ตโฟน มีจอแสดงผลข้อมูลเหนือแผงคอนโซลหน้า HUD head-up display
ไฟสร้างบรรยากาศภายใน Ambient Light 64 สี ที่ชาร์จมือถือไร้สาย ช่องเสียบ USB รวม 4 จุด หน้า 2 จุด หลัง 2 จุด แบบ Type-C ลำโพง Bose Personal Plus 10 จุด รวมตำแหน่งลำโพงฝังในพนักพิงศีรษะคู่หน้าเพื่อประสบการณ์เสียงที่ดื่มด่ำ และติดตั้งปลั๊กไฟแรงดันไฟฟ้า 100V กำลังไฟ 1,500W 2 จุดทั้งภายในห้องโดยสารและที่เก็บสัมภาระ
ขุมพลังไฟฟ้าล้วนแบบ 3-in-1
ประกอบด้วยอินเวอร์เตอร์ มอเตอร์ และเกียร์ลดรอบ รวมเข้าด้วยกัน ทำให้มีขนาดเล็กลง 10% จากรุ่นปัจจุบัน เป็นมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้าให้ความเร็วสูงสุด 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ขุมพลังอีวีให้กำลังสูงสุด 218 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 355 นิวตันเมตรจากแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 75 (75.1) kWh มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวรุ่น YM52 ระยะทางรวมต่อการชาร์จ 1 ครั้งมากกว่าได้ถึง 600 กิโลเมตร (WLTP) หรือ 706 กิโลเมตร (NEDC) หรือตามมาตรฐานญี่ปุ่น WLTC 685 กิโลเมตรในรุ่น B7G และ 702 กิโลเมตร ในรุ่น B7X
ทั้งสองรุ่นชาร์จได้ทั้งกระแสสลับ AC และกระแสตรง DC กำลังสูงสุด 150 kW 10-80% ภายใน 35 นาที โดยสเปกญี่ปุ่นจะใช้หัวชาร์จ DC CHAdeMO ชาร์จ DC ที่ชาร์จเร็ว 14 นาที สามารถวิ่งได้ไกลถึง 250 กิโลเมตร
รวมถึงชุดแบตเตอรี่มีการปรับสภาพตัวแบตที่เชื่อมกับระบบนำทาง ซึ่งจะช่วยปรับอุณหภูมิแบตเตอรี่ให้เหมาะสมตามภาระการขับขี่ที่ประมาณไว้ตั้งแต่เริ่มเดินทางไปยังจุดหมายปลายทาง นอกจากนี้ ในระหว่างการชาร์จไฟ DC ในฤดูร้อน หากตรวจพบว่าภาระการขับขี่หลังการชาร์จต่ำสามารถปรับช่วงอุณหภูมิการชาร์จที่อนุญาตของแบตเตอรี่ชั่วคราวและรักษาความเร็วในการชาร์จได้
ช่วงล่างของรถคันนี้ใช้เป็นช่วงล่างอิสระ 4 ล้อ ด้านหน้าแบบอิสระแมคเฟอร์สันสตรัทและด้านหลังแบบอิสระมัลติลิงก์ จากเดิมเป็นแบบคานบิดหรือทอร์ชันบีมเพื่อความนุ่มนวลในการขับขี่และคล่องตัวกว่ารุ่นเดิม พร้อมรัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.3 เมตรจากชุดพวงมาลัยไฟฟ้าแบบแร็คแอสซิสต์ ติดตั้งฉนวนกันเสียงหนาขึ้นทำให้ห้องโดยสารเงียบขึ้นถึง 2 เดซิเบล
แถมยังมี Vehicle-2-Load (V2L) เปลี่ยนรถยนต์ให้สามารถเป็นแหล่งจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าได้ด้วยช่องชาร์จไฟในรถกำลังไฟ 1,500W มีฟังก์ชัน V2H (Vehicle-to-Home) เป็นเครื่องสำรองไฟเพื่อจ่ายไฟฉุกเฉินโดยตรงไปยังบ้านสามารถจ่ายไฟให้กับบ้านของคุณผ่านการชาร์จแบบอัจฉริยะจากรถยนต์สู่บ้านได้
มาพร้อมฟังก์ชัน Intelligent Route Planner วางแผนเส้นทางอัจฉริยะที่ทำงานร่วมกับ Google Maps ทำให้ค้นหาจุดชาร์จตลอดเส้นทางได้อย่างง่ายดายช่วยให้ผู้ขับขี่เดินทางได้อย่างสบายใจพร้อมระบบขับขี่อัตโนมัติ ProPilot 2.0 เทคโนโลยีคันเร่งอัจฉริยะ e-Pedal พร้อมปรับการหน่วงเบรก
ความปลอดภัย
- กล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง Intelligent Around View Monitor 3 มิติ
- ช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ Intelligent Forward Collision Warning
- เบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ Intelligent Emergency Braking
- เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติขณะถอย Rear Automatic Emergency Brake
- กล้องแสดงภาพพื้นถนนใต้ฝากระโปรงหน้า Invisible Hood View ช่วยให้มองเห็นด้านหน้าได้ในมุมกว้างขึ้น Front Wide View และช่วยรักษาระยะห่างของรถขณะขับขี่ในเมือง Intelligent Distance Control Assist
Nissan LEAF เจนใหม่สานต่อความสำเร็จจาก 2 เจนที่ผ่านมาด้วยยอดขายสะสมทั่วโลกกว่า 700,000 คันผลิตที่โรงงานนิสสันที่จังหวัดโทะชิงิ ญี่ปุ่น เปิดตัว 2 รุ่นย่อยทั้งรุ่น B7X และ B7G เริ่มต้น 5,188,700-5,999,400 YEN หรือราว 1,109,000-1,279,000 บาท ขายจริงในวันที่ 17 ตุลาคม
ส่วนรุ่น B5 ที่ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 52 (52.9) kWh ให้พลัง 177 แรงม้า แรงบิด 345 นิวตันเมตร ซึ่งยังไม่เปิดเผยเรื่องวิ่งไกลต่อการชาร์จจะขายช่วงกุมภาพันธ์ปีหน้า พร้อมโชว์ตัวรวมถึงรุ่นอื่นๆของค่ายที่งาน Japan Mobility Show 2025 ระหว่างวันที่ 31 ตุลาคม – 9 พฤศจิกายน
ที่มา Nissan